ยินดีต้อนรับสู่บล็อกของนางสาวสายธาร ค่ะ

รอยยิ้มสยาม

สยาม
                สยาม  มีรากจากคำพื้นเมืองดั้งเดิมว่า ซัม ซำ หรือ สาม  หมายถึงบริเวณที่มีน้ำซับน้ำซึมเป็นตาน้ำพุน้ำผุดโผล่ขึ้นจากแอ่งดินอ่อนหรือดินโคลน แล้วเรียกคนจะเป็นชาติพันธุ์อะไรก็ได้ที่มีหลักแหล่งทำมาหากินบริเวณนี้ว่า ชาวสยาม ทั้งนั้น.
          เมืองสยาม หรือ กรุงสยาม มีประกอบด้วย ชาวสยาม กับ สยามประเทศ ที่อยู่ในบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาเป็นส่วนหนึ่งของอุษาคเนย์หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีความเคลื่อนไหว เคลื่อนย้ายไปมาระหว่างสองฝั่งแม่น้ำโขง แล้วมาพบกันที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางฟากตะวันตกลุ่มน้ำเจ้าพระยา
         
          สยามประเทศ และ ประเทศไทย ชาวต่างชาติเรียกกรุงศรีอยุธยาว่าราชอาณาจักรสยามหรือเมืองไทย เมื่อถึงกรุงรัตนโกสินทร์เรียกชื่อประเทศว่ากรุงสยามและประเทศสยาม เรียกพระนามพระมหากษัตริย์ว่า  The King of Siam
พ.ศ. 2310 เป็นต้นมาศูนย์กลางอำนาจรัฐเปลี่ยนจาก กรุงศรีอยุธยา ที่สำเนียงพม่าออกเสียงว่า อโยเดีย หรือ โอเดีย (Odia) เป็น กรุงเทพฯ หรือที่เรียกว่า บางกอก  (Banckok) จนกระทั่ง พ.ศ. 2575 มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร์ รัฐธรรมนูญฉบับวันที่ 10 ธันวาคม 2475 ก็ใช้นามประเทศว่า สยาม
สมัยแรกมีธงช้างเป็นสัญลักษณ์ ถึงแผ่นดินสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ เปลี่ยนเป็นธงไตรรงค์ที่ได้แบบอย่างมาจากยุโรป
รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงครามเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2482 รัฐบาลในสมัยนั้นได้ประกาศเปลี่ยนชื่อประเทศจาก สยามเป็น ไทยและจาก Siam เป็น Thailand
 ประเทศไทย ซึ่งเป็นชื่อที่เกิดขึ้นจากสำนึกชาตินิยม ผูกพันกับความเชื่อเรื่องชนชาติไทยถูกขับไล่มาจากทางเหนือของจีน แม้ความเชื่ออย่างนี้จะคลาดเคลื่อนจากความจริง แต่ยังทรงอิทธิพลมาจนถึงทุกวันนี้
ผลของการเปลี่ยนชื่อเป็นประเทศไทย ทำให้คนกลุ่มหนึ่งเกิดกระแสความรู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์ผู้คนเผ่าพันธุ์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ไทย เกิดการดูถูกทางสังคมและวัฒนธรรมจนเสียหายต่อสภาพเศรษฐกิจ การเมือง และการปกครองเป็นเวลายาวนาน
ในการร่างรัฐธรรมนูญอีกหลายครั้งก็ได้มีการอภิปรายในประเด็นที่จะเปลี่ยนนามประเทศเป็นสยามอีก เช่น ในรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2492 และฉบับ 2511 เป็นต้น
               
ยิ้มสยาม : สยามเมืองยิ้ม

ยิ้มสยาม  คือคำว่า ยิ้ม เชื่อมกับ คำว่า สยาม ให้เป็นศัพย์เดียวที่แปลความหมายได้ว่า การยิ้มของคนสยาม/ไทย ซึ่งเมื่อเผชิญปัญหาหรือเจออะไรก็ยิ้มไว้ก่อน
          สยามเมืองยิ้ม และ ยิ้มสยาม เป็นคำแทนความหมายที่ใช้ในการโปรโมตต์การท่องเที่ยวในลักษณะ ทัวร์ลิตต์และ เพรสทัวร์  อาจรวมทั้ง ทัวร์ซำเหมา ซึ่งเริ่มปรากฏเป็นรูปธรรมหลังแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 ใน สมัยรัฐบาล จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นต้นมา หรือหลังยุค ผู้ใหญ่ตีกลองประชุมเป็นต้นมา โดยผ่านสื่อกลางอย่าง อนุสาร อสท. ของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
การท่องเที่ยวที่เน้นลักษณะ รอยยิ้ม ที่ดูเป็นการทอดไมตรีการบริการเพื่อเอาใจลูกค้า ลูกทัวร์ ที่มาบริการ ยิ้ม  จึงไม่ใช่จำกัดเฉพาะคนสยามประเทศไทยเท่านั้น แต่มีลักษณะทั้งอุษาคเนย์ หรือทั่วโลกก็ว่าได้
ยิ้มสยาม ในที่นี้อาจจำกัดเฉพาะคนที่ยิ้มในสยามประเทศไทยเท่านั้น จึงจำแนกเอาเฉพาะรูปเก่าที่ชาวสยามถ่ายรูปเริ่มปรากฏรอยยิ้มในยุครัชกาลที่ 5 ตอนปลาย ที่นิยมถ่ายเฉพาะเจ้าขุนมูลนาย ขณะที่ ไพร่บ้านพลเมืองยังไม่เป็นที่นิยมเพราะยังมีความเชื่อเรื่อง วิญญาณในรูปถ่าย หรือการ ฝั่งรูปฝั่งรอย ซึ่งเป็นความเชื่อดั่งเดิมของ ศาสนาผี ที่ฝั่งรากลึกก่อน พุทธ และพราหมณ์ จะเข้ามาสู่อุษาคเนย์
รอยยิ้มที่ริมแก้มที่ปรากฏในภายในหน้าชวนให้เสน่หา อาจสื่อความหมายที่งดงามในแง่ของบทเพลง อย่างเพลง อมยิ้ม ของ ชาย เมืองสิงห์ เมื่อราว พ.ศ. 2504-2509 และเพลง เที่ยวละไม ของ วงเฉลียง
ขณะที่ ยิ้ม อีกอย่างหนึ่ง อาจสื่อความหมายที่เชื้อเชิญทอดไมตรีชวนชม้ายชายตาจนบางครั้งก็พะว้าพะวังเพราะรอยยิ้ม นั่น
สยามเมืองยิ้ม ถูกใช้ในความหมายที่งดงามของรอยยิ้มผู้คนที่อาจไม่จำกัดเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น อาจสื่อความหมายในลักษณะชาตินิยมที่ปรากฏในเพลง สยามเมืองยิ้ม ของ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ราชินีลูกทุ่งผู้ล่วงลับ ซึ่งแต่งโดย วิเชียร คำเจริญ หรือ ลพ บุรีรัตน์ ศิลปินแห่งชาติ เมื่อราวๆ พ.ศ. 2530 เพลงนี้ได้รับรางวัลในการงาน กึ่งศตวรรษลูกทุ่งไทย ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2534 ซึ่งจัดโดย สำนักงานคณะกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ
ดูเหมือนคำว่า ยิ้มสยาม และ สยามเมืองยิ้ม จึงถูกใช้เป็นคำประชาสัมพันธ์ในการณรงค์การท่องเที่ยวอยู่หลายวาระไม่ว่าจะยุค ฐานทัพทหารสหรัฐอเมริกา หรือ ปีณรงค์การท่องเที่ยวไทย เมื่อ พ.ศ. 2530 ของ รัฐบาล พลตรี (ยศในขณะนั้น) ชาติชาย ชุณหะวัณ ดำเนินนโยบายเปลี่ยน สนามรบเป็นสนามการค้า พร้อมๆ กับ ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวโปร์โมตต์คำว่า เวลคัม ทู ไทยแลนด์
 ยิ้มสยาม หรือสยามเมืองยิ้ม จึงเป็นความหมายที่สื่อทางกิริยาได้ทั้งด้านความหลากหลายของ  รอยยิ้ม ที่มีเป้าหมายของ ผู้ยิ้ม และ ผู้ถูกส่งยิ้ม   เพียงแต่สังคมที่หวั่นเกรงเรื่องศีลธรรมแบบ ปากว่าตาขยิบ ไม่สู้จะยอมรับความจริงในเรื่อง เสน่ห์ของรอยยิ้มสยาม เท่านั้นเอง

ยิ้ม
เห็นนางแย้มเหมือนหนึ่งแก้มแม่แย้มยิ้ม         ดูเพราพริ้มสุดงามทรามสงวน


        อบเชยเหมือนพี่เชยเคยชมชวน            ให้นิ่มนวลนอนแนบแอบอุรา







สยามเมืองยิ้ม


คนไทยได้รับการจัดอันดับว่ามียิ้มที่สวยที่สุดในโลก ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมาช้านาน ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าที่ลูกหลานหวงแหนและได้ยึดถือปฏิบัติกันมาช้านาน มีรอยยิ้มที่หวานและสวยงามในการทักทายกัน และให้ความเคารพซึ่งกันและกัน มีรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรไมตรี ไม่ถือตัว และปฏิบัติกับทุกคนและทุกชาติ ทำให้ชาวต่างชาติหลงใหลในวัฒนธรรมของคนไทย และรอยยิ้มที่หอมหวาน ทำให้ต่างชาติอยากมาเที่ยวประเทศไทย มีการเปิดกว้างในสังคมโลกมากขึ้น คนในประเทศไทยควรภูมิใจที่โชคดีที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย มีพระหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ปกครองประเทศโดยธรรม คนในชาติต้องหันมารักกันเองไม่แตกแยก มีความเป็นประชาธิปไตย ดูแลหวงแหนประเทศชาติ สยามเมืองยิ้มเลยถูกใช้แทนความหมายในการโปรโมตต์การท่องเที่ยว จนคนรู้จักกว้างขวางทั่วโลก เลยติดปากจึงเรียกประเทศไทยว่า " สยามเมืองยิ้ม " ทำให้ประเทศไทยมีชื่อเสียงมาจากรอยยิ้มของคนไท ของพวกเราเอง

          วันนี้คุณยิ้มแล้วหรือยัง ???



รอยยิ้ม พิมพ์ใจ การต้อนรับแบบไทย และน้ำใจของคนไทย

...สวัสดีคะ...
สงสัยไหมคะว่าคำว่า"สยามเมืองยิ้ม"มาจากไหนกันนะ!
คงจะเดากันได้ไม่ยากใช่ไหมคะ ที่มาของสยามเมืองยิ้มก็มาจากนิสัยของคนไทย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นคนไทยก็จะยิ้มไว้ก่อน นั่นแน่!! แอบยิ้มกันรึเปล่าคะ
รอยยิ้ม การไหว้ทักท้าย สร้างความประทับใจให้แก่ผู้พบเห็น
                                 
                            ...และที่สำคัญคนไทยมีน้ำใจ และไม่ทอดทิ้งกันคะ